การเลือกจ้างพนักงานเข้าองค์กรสำคัญเหมือนกันการเลือกคู่ครองที่ชอบ การที่บริษัทจะหาพนักงานที่ถูกใจและตรงสเปกได้ไม่ใช่เรื่องง่าย มันจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองหลายขั้นตอนพอสมควร ผู้สมัครงานอาจจะเก่งและมีความสามารถสูง แต่สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือเรื่อง ทัศนคติ และความสามารถในการทำงานปรับตัวให้เข้ากับองค์กรอีกด้วย ปัจจุบันไม่ว่าจะองค์กรใหญ่หรือเล็กก็เปิดกว้างในการจ้างพนักงานหลากหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมกันมากที่สุดคือจ้างงานแบบพนักงานประจำ และการจ้างงานแบบสัญญาจ้างชั่วคราว วันนี้ Gen Z Manpower จะมาแชร์มุมมองความแตกต่างระหว่างพนักงานประจำและพนักงานชั่วคราวที่คุณควรเข้าใจ
พนักงานประจำคือ (Full Time)
พนักงานกลุ่มนี้ชื่อก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าพนักงานประจำ พนักงานประจำถูกจ้างเพื่อทำงานให้องค์กรโดยตรงผ่านฝ่ายบุคคลขององค์กรที่จัดหามา กลุ่มนี้จะได้รับเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือน และสามารถทำงานได้จนเกษียณเว้นแต่จะลาเองออกหรือถูกเลิกจ้างไปก่อน มีโอกาสในการเติบโตปรับเงินเดือนตามอายุงานและเงื่อนไขของบริษัท แถมยังได้รับสิทธิเข้าถึงประกันสังคมที่เป็นพื้นฐานสวัสดิการของรัฐ เวลาในการทำงานส่วนใหญ่แล้วคือ ทำงาน 8 ชม. ต่อวัน และ มีเวลาพัก 1 ชั่วโมง และมีวันหยุดอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์
พนักงานชั่วคราวคือ (Part time)
อย่าสับสนว่าเป็นพนักงานพาร์ทไทม์เนื่องจากพาร์มไทม์จะเลือกทำงาน 4-8 ชั่วโมง ต่อวันได้ แต่พนักงานชั่วคราวเป็นการจ้างงานระยะสั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการจ้างตั้งแต่สามเดือนไปจนถึงหนึ่งปี ซึ่งส่วนมากจะได้รับเงินเดือนที่ตายตัว ไม่มีการปรับเพิ่มตามอายุงาน การจ้างงานลักษณะนี้จะมีการระบุเวลาสิ้นสุดที่ชัดเจน เมื่อครบระยะเวลาแล้วถ้านายจ้างไม่อยากจ้างต่อ หรือพนักงานไม่อยากทำงานต่อก็สามารถยุติสัญญาจ้างได้ทันที
แรงจูงใจในการทำงาน (Motivation)
พนักงานประจำ : จริงๆแล้วแรงจูงใจที่สำคัญอันดับหนึ่งของพนักงานทุกประเภท คือ เงินเดือนและค่าตอบแทน แต่ในกลุ่มนี้เขาจะให้ความสำคัญกับค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สมกับความสามารถ นอกเหนือจากนี้ พนักงานประจำยังใส่ใจในเรื่องชื่อเสียงขององค์กร ผลกำไร และวิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กร เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นหลักประกันว่าเขาจะมีหน้าที่การงานที่มั่นคง ซึ่งเป็นสิ่งที่พนักงานประจำมองหารองจากเงินเดือน ถัดมาคือโอกาสในการเติบโตและก้าวหน้า พนักงานคาดหวังทุกคนคาดหวังที่จะได้เลื่อนตำแหน่งอยู่แล้ว ฉะนั่นเมื่อเขารู้ว่ามีโอกาสเติบโต แนวโน้มที่พนักงานจะทุ่มเทในการทำงานก็จะมากขึ้นด้วย
พนักงานชั่วคราว : ถึงแม้จะเป็นพนักงานชั่วคราวที่ทำงานให้กับองค์กรในระยะเวลาไม่นาน แต่แรงจูงใจอันดับหนึ่งของการทำงานก็คือ ค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผล เพราะพวกเขาจะได้รับสิทธิด้านสวัสดิการน้อยกว่าพนักงานประจำ จึงคาดหวังว่าค่าตอบแทนที่ได้จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่ต้องการ ทั้งนี้พนักงานชั่วคราวก็ยังมองหาความมั่นคงในการทำงานและความก้าวหน้า เมื่อพวกเขาได้ทำงานกับองค์กรที่ใช่ ได้ผลตอบแทนคุ้มค่า ก็หวังว่าจะได้รับการบรรจุให้เป็นพนักงานประจำเช่นกัน
ความสมดุลในการทำงาน (Work-Life Balance)
พนักงานประจำ :ไม่ต้องการทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ วันลา และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มากกว่าพนักงานประเภทอื่น พวกเขายินดีที่จะทำงาน 8 ชั่วโมง ใน 5 วัน แต่ถ้าจำเป็นต้องทำงานนอกเหนือจากชั่วโมงงานปกติ ก็คาดหวังได้รับค่าตอบแทนเพิ่ม อย่างไรก็ตามสังเกตได้ว่าพนักงานประจำจะมีความยืดหยุ่นในการทำงานน้อยกว่าพนักงานชั่วคราว
พนักงานชั่วคราว : ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานสูงกว่าพนักงานประจำ มีแนวโน้มสูงที่จะทำงานนอกสถานที่ได้ เช่น work from home หรือทำงานจากที่บ้าน หรือใกล้บ้าน ที่ใช้เวลาเดินทางในการมาทำงานไม่มาก รวมถึงชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น ไม่ได้เจาะจงว่าต้องทำงานจันทร์ถึงศุกร์เท่านั้น แต่ก็ต้องการได้รับค่าตอบแทน ถ้าทำงานในวันหยุดหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เช่นกัน สิ่งสำคัญที่น่าสังเกตก็คือพนักงานชั่วคราวต้องการความเป็นส่วนตัวในการทำงาน และรับผิดชอบงานของตนเองเป็นหลัก
สวัสดิการเพิ่มเติม (Extra benefits)
พนักงานประจำ : นอกจากเงินเดือนและโบนัสประจำปีแล้ว สิ่งที่จะจูงใจให้เขาอยากร่วมงานกับองค์กรไปอย่างยาวนาน คือ สวัสดิการที่คุ้มค่านั่นเอง พนักงานประจำคาดหวังสวัสดิการที่พวกเขาควรจะได้รับ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ทันตกรรม และค่าจอดรถ เป็นต้น รวมถึงสวัสดิการเพิ่มเติม เช่น ความคุ้มครองทางการแพทย์ของตัวเองและครอบครัว เช่น ค่าคลอดบุตร และสวัสดิการเมื่อเกษียณอายุ รวมถึงวันลาเพิ่มเติมเพื่อเลี้ยงดูบุตร หรือเพื่อศึกษาต่อ บางองค์กรยังมีรางวัลที่มอบให้พนักงานที่ทำงานกับองค์กรมานาน ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามโครงสร้างขององค์กร
พนักงานชั่วคราว : การจ้างงานประจำจะมี ข้อกำหนดเรื่องสวัสดิการที่ได้ระบุไว้ชัดเจน แต่สำหรับพนักงานชั่วคราวบางสิทธิอาจไม่ได้รับ อย่างประกันสังคม อาจจะต้องจ่ายเงินสมทบเอง แม้จะเป็นการจ้างงานชั่วคราว แต่พวกเขาก็อยากร่วมงานกับองค์กรที่มอบสวัสดิการให้เพิ่มเติม โดยคาดหวังว่านายจ้างก็ควรดูแลพวกเขาเช่นเดียวกับพนักงานประจำ สิทธิประโยชน์เหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาทุ่มเทกับองค์กร และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สวัสดิการอื่นๆ ที่พนักงานต้องการก็คือสถานที่ทำงาน มีอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม เช่น ห้องออกกำลังกาย ห้องอาบน้ำ ห้องพักผ่อน และครัวส่วนกลาง เป็นต้น
ปัจจุบันพนักงานมีสิทธิเลือกมากขึ้น จะเห็นได้ว่าหลายๆองค์กรต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในตอนนี้ หลายๆองค์กร์ต้องลดขนาดเพื่อความอยู่รอด และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ว่างงาน หากคุณต้องกำลังมองหาคนคุณภาพกับราคาค่าตอบแทนที่น่าสนใจ ช่วงนี้จะเป็นโอกาสทองสำหรับทุกองค์กร และถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มยังไง หรือมีปัญหาที่ต้องการความช่วยเรื่องการจัดหาคน Gen Z Manpower ยินดีให้คำปรึกษาและจะช่วยให้การจัดหาคนเป็นเรื่องง่ายสำหรับองค์กรคุณ