💭 หลักการ Brainstorming รวบรวมไอเดีย และความคิดจากการระดมสมอง 💭

Brainstorming คือการระดมสมอง เป็นกระบวนการรวบรวมความคิดและไอเดียร่วมกันเป็นกลุ่มเพื่อหาทางออกหรือวิธีการแก้ปัญหาร่วมกันโดยมีขั้นตอนและวิธีการดังต่อไปนี้ 1️⃣ กำหนดหัวข้อในการระดมสมองให้ชัดเจน ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าที่เรามาคุยกันวันนี้มีเป้าหมายเพื่ออะไร เพื่อแก้ปัญหา เพื่อปรับปรุงพัฒนา หรือเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ควรเป็นหัวข้อที่เฉพาะเจาะจง เพื่อให้แนวทางในการพูดคุยมีทิศทางที่ชัดเจน ตรงประเด็น 2️⃣ ตั้งผู้ดำเนินการ หรือผู้อำนวยความสะดวก(Facilitator)ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนี้ต้องเป็นคนที่เป็นกลาง คอยอำนวยความสะดวกให้ทุกคนในทีมแสดงความคิดเห็นกันได้อย่างอิสระและเท่าเทียมกัน คอยสังเกตไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นนานเกินไป รวมไปถึงต้องเป็นผู้ไกล่เกลี่ยหากเกิดข้อขัดแย้งกัน เป็นคนคอยคลี่คลายบรรยากาศตึงเครียดต่าง ๆ 3️⃣ กำหนดเวลาในการระดมสมอง วรมีระยะเวลาประมาณ 30 นาที – 1.5 ชั่วโมง ไม่ควรสั้นหรือยืดเยื้อนานเกินไป เพราะการประชุมที่ใช้เวลานานเกินไปอาจส่งผลให้สมองเริ่มล้า ไอเดียตีบตัน หลุดประเด็น 4️⃣ ออกไอเดียให้เยอะเข้าไว้ ยิ่งออกไอเดียเยอะเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทีมหาความเป็นไปได้ที่เหมาะสมที่สุดเจอมากขึ้นเท่านั้น 5️⃣ ต่อยอดไอเดียของกันละกัน นอกจากการพูดแชร์ไอเดีย อีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นมาก ๆ ในการระดมสมอง คือ “การรับฟัง” และ “การต่อยอดไอเดียของกันและกัน” ในการแชร์ไอเดียแต่ละครั้งควรพูดทีละคน คุยทีละเรื่อง เพื่อป้องกันความสับสนและไม่ให้ไอเดียดี ๆ หล่นหายไป 6️⃣ อย่าลืมจดบันทึกทุกไอเดีย ทุกไอเดียมีค่าเสมอ ไม่ควรมองข้ามแม้จะเป็นไอเดียที่ธรรมดาหรือแปลกแวกแนวแค่ไหนก็ตาม […]
🙏4 เคล็ดลับ ที่จะทำให้คน GEN Y อยู่คู่กับองค์กรไปนานๆ🙏

👉 ให้อิสระกับเขา ให้เขาได้บริหารจัดการเวลาด้วยตนเอง มอบหมายงานให้พวกเขาแบบเป็นจ๊อบๆ และให้พวกเขาบริหารทุกอย่างด้วยตนเอง และคน Gen Y จะหาวิธีทำงานเองได้อย่างรวดเร็วและดีที่สุดในแบบของพวกเขา 👉 ให้ความชื่นชม เวลาที่จะชื่นชมคน Gen Y ควรชื่นชมที่ผลลัพธ์ของการทำงาน และโฟกัสที่ผลงานของพวกเขา คุณไม่จำเป็นต้องไปกดดันขั้นตอนการทำงานของพวกเขาเลย สิ่งที่คุณควรจะทำคือให้เวลาและโอกาส พร้อมทั้งความเชื่อมั่นในตัวพวกเขา 👉 ไกด์ให้พวกเขามองการไกล เพราะพวกเขามองความสำคัญของเวลาต่างจากคน Gen อื่นๆ สิ่งที่คุณควรจะทำคือไกด์ให้พวกเขามองสิ่งต่างๆ ยาวๆ ไปถึงอนาคต เพราะพวกเขาจะมีพลังมากขึ้น หากรู้สึกว่าตัวเองมีเป้าหมายบางอย่างที่ชัดเจน 👉 เป็นตัวอย่างที่ดี คน Gen Y มีความมั่นใจในตัวเองสูง และพวกเขาเชื่อมั่นในเหตุและผล ดังนั้นการทำเป็นตัวอย่างให้พวกเขาดู ย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าการออกคำสั่ง การขอร้อง หรือการอบรม 😊 เพียงเท่านี้เขาก็จะอยากอยู่กับเราไปนานๆ โดยไม่คิดที่จะอยากเปลี่ยนงานใหม่แล้ว 😊
🎈แนะนำ 5 วิธีขจัดความขี้เกียจระหว่างทำงานได้อยู่หมัด🎈

🌈คิดถึงเป้าหมายของเราเข้าไว้ ทุกคนต้องมีเป้าหมายชีวิต ถึงแม้จะยังหามันไม่เจอ แต่คุณต้องมีเป้าหมายในชีวิตสักอย่างเพื่อเป็นแรงผลักดันให้รู้สึกตื่นมาแล้ว สดชื่น 🌈งานที่ทำอยู่สอดคล้องกับเป้าหมายหรือเปล่า ควรหางานที่ทำแล้วสอดคล้องกับความต้องการของคุณในอนาคต แล้วคุณจะมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น 🌈รู้ตัวว่าตัวเองขี้เกียจ คอยเตือนตัวเองไว้เสมอว่า เราเป็นคนขี้เกียจ และให้เราจดจ่อกับสิ่งที่เราทำอยู่ในทุกขณะว่า ตอนนี้เราทำหน้าที่ของเราอยู่หรือเปล่าต้องมีสติตลอดเวลา อย่าว๊อกแว๊ก 🌈พักเป็นระยะ ควรลุกไปพักแบบจริงจัง แล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่ อาจลุกไปเข้าห้องน้ำ ลุกไปเช็คมือถือส่วนตัว หรือลุกไปซื้อกาแฟสักพัก 🌈ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องเน้นความหนัก แต่เน้นความสม่ำเสมอ จะเป็นตอนเช้าก่อนไปทำงานหรือก่อนนอนก็ได้ ❤ทางเราขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ทุกคนฟันฟ่าอาการขี้เกียจของตัวเองไปให้ได้นะคะ❤
💭รวม 7 คำถามสัมภาษณ์งานยอดนิยมสำหรับเด็กจบใหม่❓

1️⃣ รบกวนแนะนำตัวเองให้เรารู้จักหน่อย เป็นคำถามพื้นฐานเพื่อทำความรู้จักกับผู้ถูกสัมภาษณ์เบื้องต้น โดยผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถตอบหรือเล่าอะไรก็ได้ แต่ในการเล่าก็จำเป็นต้องระวังด้วยเพราะคำถามนี้จะเป็นการเช็คทัศนคติในคราวเดียวกัน2️⃣ ตอนเรียนทำกิจกรรม หรือโปรเจ็คต์อะไรบ้าง ผู้สัมภาษณ์จะให้ความสำคัญกับกิจกรรมหรือโปรเจ็คต์การทำงานที่เคยทำในสมัยเรียน เนื่องจากการทำกิจกรรมระหว่างเรียน หรือการทำโปรเจ็คต์จบเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงทัศนคติ รวมไปถึงสะท้อนให้เห็นทักษะในการทำงานด้านต่างๆ3️⃣ เพราะอะไรถึงสนใจสมัครงานตำแหน่งนี้ เด็กจบใหม่หลายคนใช้วิธีการสมัครงานแบบร่อนใบสมัครโดยที่ตัวเองจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสมัครงานอะไรบ้าง และตำแหน่งอะไรบ้าง คำถามนี้จะเป็นการยืนยันความต้องการในการทำงานนี้จริงๆ4️⃣ จงบอก ข้อดี – ข้อเสียของตัว ผู้สัมภาษณ์หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคลจะพิจารณาทักษะในการวิเคราะห์ของผู้ถูกสัมภาษณ์ รวมถึงวิเคราะห์ข้อดี – ข้อเสียของเราว่าเหมาะกับการทำงานของบริษัทหรือไม่5️⃣ คาดหวังกับการทำงานที่นี่อย่างไร เป็นคำถามที่วัดความมุ่งมั่นในการทำงานของผู้ถูกสัมภาษณ์ เพราะไม่เพียงตอบว่าจะทำงานอย่างไร แต่ยังเป็นการบอกว่าผู้ถูกสัมภาษณ์มองที่นี่อย่างไร ต้องการทำงานที่บริษัทในระยะยาวหรือไม่ และตั้งเป้าหมายการทำงานที่นี่อย่างไร6️⃣ เงินเดือนที่คาดหวัง คำถามนี้เป็นการประเมินความสามารถในการทำงานของเรา โดยบริษัทอาจเสนอเงินเดือนสำหรับเด็กจบใหม่ด้วยวุฒิปริญญาตรีแต่ถ้าคิดว่าตัวเรามีความสามารถมากกว่านั้นก็ต้องลองเสี่ยงเรียกตามความสามารถ เพื่อประเมินความพึงพอใจในการจ้างงานของทั้งสองฝ่าย7️⃣ สามารถเริ่มงานได้เมื่อไหร่ เป็นคำถามปิดจ็อบสำหรับการสัมภาษณ์งาน โดยอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจตอนไปว่าสามารถเริ่มงานได้ทันที แต่ให้ตอบไปตามความเป็นจริง เพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเริ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
🎯 องค์กรควรป้องกันปัญหานี้อย่างไรดี

❌ เมื่อเจอ Sexism หรือ กีดกันทางเพศในที่ทำงาน ✅ ไม่ควรกำหนดกฎเกณฑ์บการแต่งกายของพนักงานที่เป็นการเลือกปฏิบัติ ควรให้มีพนักงานแต่งกายตามอัตลักษณ์ทางเพศสภาพของบุคคลนั้น ✅ ประกาศรับสมัครงานแบบไม่กำหนดเพศ ถ้าไม่จำเป็น การประกาศรับสมัครงานขององค์กร สามารถระบุคุณสมบัติเฉพาะด้านวุฒิการศึกษาหรือความสามารถเฉพาะที่สอดคล้องกับลักษณะงานได้ แต่ไม่ควรกำหนดเพศ ✅ รณรงค์ให้ไม่มีการใช้วาจาเหยียดเพศ รวมไปถึงการแสดงออกทางกายด้วย ภายในองค์กรไม่ควรมีการใช้วาจาที่เหยียดเพศ เช่น เบี่ยงเบนทางเพศ เพศที่สามผิดปกติ อีแอบหรือถ้อยคำว่าเพศหญิง เช่น ชะนี สาวแก่ เป็นต้น รวมไปถึงการแสดงกิริยาล้อเลียนทางเพศก็ไม่ควรทำ ✅ การเลื่อนขั้นตำแหน่งควรดูที่ศักยภาพ มากกว่าเพศสภาพ การโปรโมตหรือเลื่อนตำแหน่งต่าง ๆ ควรส่งเสริมให้คัดสรรหาบุคคลที่เหมาะสมต่อการดำรงตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นเพศชาย เพศหญิง และเพศที่สามอย่างเท่าเทียมกัน 💡 สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นเพศไหนไหน ทุกคนก็มีศักยภาพที่ดีของแต่ละคน องค์กรจะต้องเข้ามาดูแลในด้านนี้ในดี เพือรักษาคนที่มีความสามารถในองค์กรไว้ให้ดี 😊😊
🙏เมื่อลูกน้องอายุมากกว่า ควรรับมืออย่างไรดี และวิธีทำงานแบบมืออาชีพที่หัวหน้าควรรู้🙏

✔️ลงมือทำงานจริง อย่างเป็นมืออาชีพ คุณควรทำงานอย่างจริงจัง เต็มความสามารถ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความนอบน้อม ให้ความเคารพในความอาวุโส ไม่แสดงท่าทีกร่าง ทำงานอย่างรอบคอบ มีเหตุมีผลแบบเป็นมืออาชีพ✔️แสดงความยอมรับนับถือลูกทีมที่อายุมากกว่า ในเมื่อคุณเองก็ได้รับโอกาสจากความเปิดกว้างเรื่องอายุ ความอาวุโส และมีโอกาสได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าแล้ว ก็ควรมอบความเสมอภาค และความเคารพนับถือซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียมให้กับลูกน้องที่มีอายุมากกว่า✔️ขอความรู้หรือความช่วยเหลือจากเขา การขอความรู้หรือขอความช่วยเหลือจากลูกน้องที่อายุมากกว่าเหมือนเป็นการแสดงการให้เกียรติพวกเขาไปในตัว เป็นการบอกพวกเขาอย่างจริงใจว่าคุณเองก็ไม่ได้รู้ไปหมดซะทุกเรื่อง✔️แบ่งงานอย่างเท่าเทียม วัดผลอย่างเปิดเผย วางระบบกระจายงานให้ทุกคนได้ทำงานอย่างเท่าเทียมและเหมาะสม ไม่เกี่ยงว่าใครอายุมากอายุน้อยจะได้ทำงานมากกว่าหรือน้อยกว่า สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในทีมของคุณเอง✔️แทนที่จะสั่งเปลี่ยนมาเป็นขอความร่วมมือแทน ลองใช้การ “ขอความร่วมมือ” แทนที่ “คำสั่ง” ก็จะช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นได้ เพราะเป็นทั้งการแสดงความนอบน้อมและให้เกียรติกับพวกเขาไปในตัว❤️
💡 5 วิธีทำให้โดดเด่นกว่าใคร สำหรับคนจบใหม่ที่กำลังหางาน 💡

🌈เติมทักษะต่าง ๆ ให้รอบด้าน เก็บเกี่ยวและสั่งสมทักษะต่าง ๆ ไปพร้อมกัน ทั้งเรียนทั้งเล่น โดยทักษะที่ว่าไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นเรื่อง Hard Skill เท่านั้น จะ Soft Skill ก็ได้ ขอแค่เป็นสิ่งที่คุณสนใจ อยากจะพัฒนาหรือเติมตัวเองในด้านนั้น ๆ ให้เต็มมากขึ้น 🌈เก็บทุกกิจกรรม การันตีว่ามีแพชชัน ระหว่างเรียนก็ลองทำกิจกรรมไปเรื่อย ๆ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านั้นจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนหางานจบใหม่ที่พร้อมจะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา 🌈ช่ำชองและชำนาญใดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แค่คุณมีสักเรื่องที่เป็นเฉพาะด้าน สิ่งนั้นก็จะ Shine ให้ตัวคุณโดดเด่นได้เองไม่ว่าจะไปที่ไหน ต่อให้จะเป็นเด็กหางานจบใหม่ 🌈Resume and CV ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง อย่าลืมนำของดีข้อคุณทั้งหมดทั้งมวลนั้น มาใส่ไว้ใน Resume หรือ CV ไว้ตอนสมัครงานด้วย เพื่อเป็นหลักฐานการันตีว่าคุณเจ๋งแค่ไหน 🌈มั่นใจในความสามารถตัวเอง เห็นถึงคุณค่าของตัวเองเป็นที่ตั้ง เริ่มจากการเคารพตัวเอง ถ้าใจเราเข้มแข็ง อวัจนภาษาต่าง ๆ ที่แสดงออกไปย่อมแสดงถึงความมั่นใจโดยปริยาย😊
🙏พนักงานลาออกหลังได้โบนัสกับสิ่งที่ HR ต้องเตรียมพร้อมรับมือ🙏

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติประจำทุกปีของเกือบจะทุกองค์กร ที่หลังจากพนักงานได้รับเงินโบนัสประจำปี จะทยอยกันยื่นจดหมายลาออก ดังนั้นการที่องค์กรจะรั้งให้พนักงานอยู่ต่อไปได้ หลังจากได้รับเงินโบนัสประจำปี ควรมาจาก 4 ปัจจัยต่อไปนี้🔼ปลูกฝังความรักในองค์กร พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่จะไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ หรือทำงานที่เดิมนาน ๆ องค์กรจึงต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติให้พนักงานรุ่นใหม่มีใจรักในองค์กร ทำให้เกิดความภูมิใจในองค์กรรวมถึงเสนอโอกาสที่จะก้าวหน้า🔼จูงใจด้วยโอกาสความก้าวหน้า การเสนอตำแหน่งใหม่ให้ หรือเสนอการ Rotate ย้ายแผนก ย้ายทีม ย้ายสาขา เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างโอกาสก้าวหน้าในการทำงานมากขึ้น🔼เพิ่มความท้าทายในการทำงาน ลองให้พนักงานได้ทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่แค่งาน Routine หรือการสร้าง Challenge ในการทำงานให้กับบริษัท ด้วยโปรเจกต์ชิงรางวัลภายในองค์กร🔼อัดฉีดสวัสดิการ สุดท้ายแล้วสิ่งที่พนักงานต้องการมากที่สุดก็ยังคงเป็นสวัสดิการที่ดี เช่น การปรับขึ้นเงินเดือน การจ่ายโบนัส หรือการเพิ่มค่า Incentive 😊