แนะนำ วิธีสร้างความสุขกับงานที่คุณเบื่อหน่าย

อยู่กับความเป็นจริง คุณไม่ควรออกจากงานถ้าคุณยังหางานใหม่ไม่ได้ เพราะอย่างน้อยคุณก็ยังมีงานทำ แม้ว่าคุณจะเกลียดมันก็ตามหันมามองงานของคุณในแง่ดี และนึกถึงข้อดีของงาน เช่น งานนี้ทำให้คุณมีโอกาสได้พบกับคนมากมาย และเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้เพิ่มพูนทักษะต่าง ๆ ค้นหาโอกาสที่ซ่อนอยู่ ถ้ามีงานบางอย่างที่คุณชอบทำมากกว่า และที่สำคัญคุณสามารถทำมันได้ดีด้วย นำเสนอตัวคุณด้วยความมั่นใจว่าคุณสามารถทำได้ดีกว่าคนอื่น ๆ นี่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวคุณได้ทำงานที่ท้าทายกว่าที่เป็นอยู่ หาให้เจอว่าคุณเกลียดอะไร เมื่อคุณรู้สึกเกลียดงานของคุณเสียเหลือเกิน คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าทำไมคุณถึงเกลียดงานนั้น หาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแก้ไขให้ตรงจุด ค้นหาสิ่งที่คุณชอบในสิ่งที่คุณเกลียด แม้ว่าตอนนี้คุณจะรู้สึกเกลียดงานของคุณ แต่เชื่อว่าคุณไม่น่าจะเกลียดงานทั้งหมด น่าจะมีบางอย่างที่คุณชอบทำอยู่บ้าง หรืออย่างน้อยคุณก็ต้องเคยชอบมันมาก่อน ศึกษาจากคนที่ทำงานแบบคุณ อาจไม่ใช่เพียงคุณคนเดียวที่เกลียดงานที่ทำ และคุณอาจไม่ใช่คนแรกที่รู้สึกเช่นนี้ การได้พูดคุยกับคนที่ทำงานแบบคุณ อาจทำให้คุณพบแนวคิดที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน หาโอกาสทำในสิ่งใหม่ ๆ และท้าทายกว่าเดิม คุณอาจต้องการเปลี่ยนงานเพราะรู้สึกว่างานที่คุณทำอยู่ไม่มีอะไรท้าทายคุณอีกแล้ว ลองหาโอกาสฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง เรียนรู้เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่คุณชอบ พบปะผู้คนใหม่ ๆ หรือหาสิ่งที่ท้าทายให้ตัวเองได้เปลี่ยนบรรยากาศ

เทคนิคทำงานรวมกับเพื่อน สร้างผลงานที่ดีพร้อมความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนสนิท

แบ่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ชัดเจน การแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให้ขาด เป็นคุณสมบัติของการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพที่ทุกคนควรมี โดยเฉพาะเรื่องเพื่อนแล้ว คุณต้องไม่เอาความสัมพันธ์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับเรื่องงาน2.ไม่เปรียบเทียบกันเอง การถูกเปรียบเทียบ หรือการคิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ และยังเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่พบเจอได้ทั่วไป ยิ่งเป็นเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันแล้ว ถ้ามีแบ็คกราวด์ใกล้เคียงกันอาจจะหนีไม่พ้นเรื่องถูกเปรียบเทียบจากคนอื่นในเรื่องการทำงานได้ง่ายมาก ๆ3.รู้จักวางตัวให้ดี ให้พื้นที่ส่วนตัวกันและกัน ความเป็นเพื่อนอาจจะทำให้คุณละเลยกับขอบเขตความสัมพันธ์ได้ง่าย จนเผลอทำตัวง่าย ๆ สบาย ๆ แบบตอนเป็นเพื่อนกันในที่ทำงานได้ ทำให้การวางตัวในที่ทำงานกับเพื่อนสนิทเป็นเรื่องสำคัญ4.ใจกว้าง จริงใจ และให้เกียรติกันอยู่เสมอ “ยิ่งสนิท ยิ่งคาดหวัง” เป็นเรื่องปกติที่เราต้องเจอในทุกความสัมพันธ์ที่เรารู้สึกว่าสำคัญกับชีวิต แน่นอนว่าในการทำงานที่ต้องเจอกับปัญหาตลอดเวลา จนอาจจะมีความไม่พอใจกันเกิดขึ้นได้ซึ่งในเวลาที่วิกฤตเหล่านี้ นอกจากการแยกแยะเรื่องงานให้ได้แล้ว การพร้อมรับฟังเพื่อนของคุณด้วยใจที่เป็นกลาง เปิดใจฟังความคิดเห็น ก็ช่วยทำให้คุณผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้5.ไม่เอาเรื่องเพื่อนไปพูดกับคนอื่น หากเกิดความไม่พอใจขึ้นมาระหว่างเพื่อนและคุณขึ้นมาจริง ๆ คุณยิ่งไม่ควรเอาเรื่องเพื่อนของคุณไปปรึกษา หรือคุยกับเพื่อนคนอื่นในออฟฟิศ เพราะนี่จะเป็นการสร้างความบาดหมางในวงกว้างไปเสียเปล่า ๆ6.งาน คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด เป้าหมายสูงสุดในการทำงานก็คือ การสร้างผลงานที่ดีและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะทำงานกับเพื่อนหรือกับใคร ก็ควรที่จะยึดเอางานเป็นที่ตั้ง ทำยังไงที่จะทำให้งานประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งที่คุณและเพื่อนของคุณควรทำความเข้าใจกันไว้ให้ดี

🎉 เทคนิค ค้นหาวิธีที่ทำให้เราทำงานอย่างมีความสุข 🎉

👉 ปัญหาส่วนตัวทิ้งไว้ที่บ้าน เมื่อคุณมีเรื่องครุ่นคิดเกี่ยวกับครอบครัวหรือเรื่องส่วนตัวอื่น ๆ คุณจะไม่มีความสุขในการทำงานและไม่สามารถจดจ่อกับงานได้👉 สร้างพื้นที่ผ่อนคลายส่วนตัว คุณใช้เวลาในที่ทำงานอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน มากกว่าเวลานอนเสียอีก คุณสามารถสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้ด้วยตัวเองง่าย ๆเช่น ตกแต่งพื้นที่ส่วนตัวในที่ทำงานของคุณจัดโต๊ะทำงานให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะทำได้👉 เพื่อนคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อนในที่ทำงานที่มีไลฟ์สไตล์หรือภูมิหลังคล้ายคลึงกับคุณช่วยแบ่งเบาความเครียดได้ไม่น้อยในยามที่คุณอยากระบายให้ใครสักคนฟัง👉 กินดีสุขภาพดี กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่มากพอ ให้พลังงานแก่ร่างกาย เติมความสดชื่น และเพิ่มพลังความคิดในการทำงาน👉 จัดระเบียบการทำงาน ควรจัดสรรเวลาในการทำงาน จัดระเบียบตัวเองให้ดี อย่าให้เกิดภาวะงานล้นมือ ทำไม่ทัน ก่อความเครียด และสุดท้ายผลงานออกมาไม่ดี👉 เคลื่อนไหว เดินไปมาบ้าง การนั่งทำงานในออฟฟิศของคนส่วนใหญ่คือการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ร่างกายจึงต้องการการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ ไม่อย่างนั้นจะเคล็ด ขัด ยอก เมื่อย ปวดหลัง ปวดคอ บ่า ไหล่👉 อย่าพยายามเปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน จำไว้ว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้ แต่คุณสามารถเปลี่ยนวิธีการตอบสนองที่คุณมีต่อพวกเขาได้ อย่าให้การกระทำของคนอื่นมีผลต่อตัวคุณ👉 ให้รางวัลตัวเอง การให้รางวัลตัวเองเป็นความสุขที่สร้างได้ง่ายมาก เวลาที่คุณตั้งเป้าว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ และเมื่อคุณทำได้ตามนั้นจริง ๆ ก็ควรให้รางวัลตัวเองด้วย👉 ความสุขในการทำงานมองโลกแง่บวก จริง ๆ แล้วสุขหรือทุกข์ล้วนอยู่ที่มุมมองของคุณ หากคุณมองสิ่งต่าง […]

👍 Social Intelligence ความฉลาดทางสังคมที่ทุกคนควรมีเมื่อต้องเข้าสังคม 👍

✔️ มีคอนเนคชันที่ดี คุณเป็นคนนั้นไหม คนที่ใครก็นึกถึงแล้วโทรหาเวลาต้องความช่วยเหลือ เพราะคุณมีคอนเนคชันมาก เช่น เพื่อนคุณอยากหานักออกแบบ หรือฟรีแลนซ์เขียนงาน ก็จะโทรมาหาคุณเป็นคนแรก✔️ คิดพิจารณาก่อนจะตัดสินใคร คนที่มีความฉลาดทางสังคมจะไม่ตัดสินคนจากหน้าตา จากบรรทัดฐานของสังคม เช่น คนจน คนรวย แต่ให้เกียรติทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใด✔️ ฟังเชิงลึก ใช้ใจฟัง อย่าสักแต่ว่าฟัง แต่ฟังอย่างตั้งใจ พร้อมคิด วิเคราะห์ แยกแยะให้คำแนะนำได้ จงทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะผู้เล่าจะสามารถจับความรู้สึกได้ว่า ผู้ฟังตั้งใจฟังอยู่หรือไม่ เมื่อเขารู้ว่าเราตั้งใจฟัง จะทำให้เกิดความไว้วางใจตามมา✔️ พร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ สามารถทำได้ตลอดชีวิต คุณจึงควรหาโอกาสเพิ่มเติมความรู้ใหม่ ๆ ให้กับตัวเองเสมอ อะไรที่เราไม่เคยกล้าจะลองทำ ให้ลองทำดู เปิดโอกาสรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาชีวิต✔️ เป็นผู้ให้ คนที่มีความฉลาดทางสังคม มักเป็นผู้ที่ชอบการแบ่งปัน การให้ที่ไม่ได้มีแค่ “การบริจาคทาน” การให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ๆ โดยไม่ต้องหวังว่า วันหนึ่งเขาต้องมาช่วยเรากลับคืน นี่ละคือคนที่มีความฉลาดทางสังคมอย่างแท้จริง 😊😊

5 เหตุผลว่าทำไมต้องสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นดึงดูดคนเก่งเข้ามาทำงาน

พนักงานหัวกะทิย่อมดึงพนักงานหัวกะทิเข้ามาโดยอัตโนมัติ ทันทีที่ผู้สมัครงานระดับหัวกะทิตัดสินใจเข้ามาทำงานกับองค์กรคุณเพราะถูกใจในภาพลักษณ์ของ “แบรนด์ พวกเขาจะเป็นกระบอกเสียงที่แข็งแรงที่สุด ที่ดึงดูดพนักงานหัวกะทิคนอื่น ๆ ให้เข้ามาร่วมงานกับองค์กรของคุณ สามารถดึงดูดและรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรได้ องค์กรที่มีแบบแผนในการสร้างคุณค่าให้กับพนักงานที่ชัดเจน มักใช้พื้นฐานนี้เป็นกลยุทธ์ในการเข้าถึงและดึงดูดใจผู้สมัครงานที่มีความสามารถและเหมาะสมที่สุด ให้มาร่วมงานกับองค์กรของคุณอีกทั้งยังลดอัตราการลาออกของพนักงานลง ขยายโอกาสให้คุณได้มีตัวเลือกมากขึ้น เบื้องหลังของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จคือการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น เมื่อ “แบรนด์” ของคุณแข็งแกร่งมากพอ ผู้สมัครงานเก่ง ๆ ขั้นเทพทั้งหลายก็จะยื่นใบสมัครเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จนคุณตาลายเลือกไม่ถูก องค์กรของคุณจะยกระดับทักษะและคุณภาพของพนักงานให้สูงขึ้นได้ เมื่อมีพนักงานที่ใช่เข้ามาร่วมงานในองค์กรเพิ่มมากขึ้น ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปเมื่อมีพนักงานลาออกก็จะลดลง และสามารถผันแปรงบประมาณส่วนนี้ไปเป็นต้นทุนในการสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าในองค์กรได้คุณจะมีงบประมาณเพิ่มขึ้นที่จะนำไปใช้ยกระดับการทำงานให้กับพนักงานหัวกะทิ เป็นมากกว่าการทำการตลาด ถ้าคุณมีภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดี เสียงสะท้อนในด้านบวกเหล่านี้อาจจะมีส่วนช่วยสนับสนุนแบรนด์ของคุณ ให้กับผู้ที่ต้องการฟังความคิดเห็นที่ดีจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ ก่อนตัดสินใจเข้าร่วมทำงานกับองค์กรของคุณ

💭 5 เคล็ดลับ สรรหางพนักงานขาย ให้ตรงกับที่องค์กรต้องการมากที่สุด 💭

👉 ระบุคุณลักษณะหรือทักษะของพนักงานขายที่คุณต้องการ การระบุลักษณะหรือทักษะของพนักงานขายในแบบที่องค์กรของคุณต้องการเป็นเรื่องสำคัญในการได้มาซึ่งพนักงานขายที่ใช่ในแบบของคุณ👉 รู้ว่าจะไปหาพนักงานขายเหล่านี้ที่ไหน พนักงานฝ่ายบุคคลควรเริ่มต้นวิธีการในเชิงรุกด้วยการหาสถานที่ที่เซลส์เหล่านี้จะไปรวมตัวกันเช่นงานสัมมนา ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงงาน ร้านขายของ หรืออาจจะหาทางทำความรู้จักเขาเหล่านี้ผ่านทางการแนะนำจากลูกค้าที่เซลส์เหล่านี้เคยติดต่องานด้วย👉 กลั่นกรองพนักงานขายที่ใช่จากกลยุทธ์ที่เขาใช้ในการขาย บ่อยครั้งที่ประวัติของพนักงานขายมักมาพร้อมกับเป้าหมายที่จะทำยอดขายให้ได้เท่านั้นเท่านี้ เพื่อดึงดูดความสนใจของว่าที่นายจ้าง ลองถามถึงวิธีการหรือกลยุทธ์ที่ผู้สมัครงานใช้ในการพิชิตการขายหรือปิดดีลคำถามนี้จะช่วยในการตรวจสอบว่าวิธีที่เขาใช้นั้นยั่งยืน เหมาะสมถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณ และเข้ากันกับกลยุทธ์ของการขายและการตลาดขององค์กรหรือไม่👉 มีการวางแผนในการถามคำถามอย่างดี ในขณะสัมภาษณ์งานผู้สัมภาษณ์อาจเพิ่มความท้าทายให้กับผู้สมัครงานด้วยการให้บทบาทสมมติหรือสถานการณ์จำลองในการขาย แทนที่ด้วยการถามตอบแบบเดิม ๆ ที่เคยทำ นำคำตอบของผู้สมัครงานมาตั้งเป็นคำถามเพิ่มเพื่อกระตุ้นให้ผู้สมัครงานมีการคิดวิเคราะห์และให้คำตอบที่สามารถต่อยอดไปยังความคิดอื่น ๆ ได้👉 ให้ค่าตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ พนักงานขายไม่จำเป็นต้องได้ค่าตอบแทนเท่ากัน บางคนอาจได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าคนอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะความต่างนี้จะสร้างรายได้ที่ยั่งยืนมากกว่าถ้าเทียบกับการไปเพิ่มกำลังการซื้อของลูกค้าซึ่งอาจส่งผลให้รายได้ลดลงในอนาคต 😊😊

แนะนำ วิธีแก้อาการเบื่องาน สำหรับคนกำลังหมดไฟ

ค้นหาต้นตอที่เป็นสาเหตุของการเบื่องาน ทุกครั้งที่เราพบเจอกับปัญหาอะไรก็ตาม สิ่งแรกที่ควรทำคือ หาสาเหตุของปัญหานั้นให้เจอก่อนว่า มันคืออะไรกันแน่ เช็คให้ชัวร์ว่า “เบื่องาน” หรือ “เบื่อคน” ลองชั่งใจดูว่า ถ้าเราตัดคนออกไปจากออฟฟิศเรา แล้วเราจะมีความสุขขึ้นหรือไม่ ถ้าสุดท้ายแล้วผลออกมาว่าใช่ ให้ฟันธงไปเลยว่าคุณกำลังเบื่อ “คน” แต่ไม่ได้เบื่อ “งาน” แน่นอน มองมุมกลับ ปรับมุมมอง บางครั้งการวิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเสมอไป แต่เราควรนำประเด็นนี้มาใช้แก้ปัญหาในบางเรื่องเช่นเดียวกัน เบื่องาน เพราะงานที่ทำจำเจ หากคุณรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ตลอดเป็นอะไรที่ซำ้ๆ เดิมๆ ทำเหมือนเดิมแทบทุกวัน หรือรู้สึกว่างานที่ทำมันดูจะง่ายเกินไป ทั้งที่จริงๆ คุณก็สามารถทำงานนั้นได้อย่างดีเยี่ยม นั่นก็อาจเป็นสัญญาณของการเบื่องานได้เช่นเดียวกัน เปลี่ยนสไตล์การทำงาน หรือ เปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน ลองปรับเปลี่ยนสไตล์การทำงานของตัวเองดูบ้าง เช่น ถ้าปกติคุณเป็นคนที่ทำงานแบบมีระเบียบแบบแผน ทุกอย่างต้องเป๊ะตามตาราง ลองปรับด้วยการเพิ่มความยืดหยุ่นลงไปบ้าง เพื่อจะได้ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด แม้เราจะก้าวเข้าสู่การเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัวแล้วก็ตาม แต่เราก็ควรหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาทักษะที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก มองหาความท้าทายในที่ทำงาน เมื่อคุณกล้าออกจาก Comfort Zone หรือได้ลองเทคคอร์สเพิ่มเติมแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มต้นในการมองหาความท้าทายใหม่ๆ สักที ค้นหางานอดิเรกใหม่ๆ บางครั้งการที่เราเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบ Full […]

🚩 HR ยุคใหม่ที่องค์กรต้องการเป็นแบบไหน มาดูกัน 🚩

👉 สามารถทำงานได้แบบ Multi-Tasks คนที่ทำงานได้มากกว่า 1 อย่าง ย่อมได้เปรียบมากกว่าคนที่ทำงานได้เพียงอย่างเดียว และการที่ HR หนึ่งคนสามารถทำงานได้หลาย ๆ อย่าง ย่อมทำให้เป็นที่ต้องการขององค์กรมากขึ้น👉 ปรับการทำงานให้ทันสมัยอยู่เสมอ HR ต้องเป็นคนที่ทำงานเก่ง รับรู้ข่าวสารอย่างรอบด้าน ไม่ว่าข่าวนั้นจะเกี่ยวข้องกับงานหรือไม่ การที่เรารู้เยอะกว่าคนอื่นย่อมได้เปรียบ เพราะเราสามารถนำมาปรับใช้กับงานของเราได้👉 นำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับการทำงาน การสรรหา Candidate ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการเดิม ๆ อีกต่อไป เราสามารถใช้เครื่องมืออื่น ๆ เข้ามาปรับใช้กับการทำงานได้ เช่น เราสามารถตามหาผู้สมัครงานได้จากทาง Linkedin Facebook Twitter หรือตาม Blog ของสายงานนั้น ๆ ได้👉 สามารถคิดวิเคราะห์ได้รอบด้าน นอกเหนือจากความสามารถในการทำงานแล้ว ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ก็เป็นส่ิงสำคัญ การที่องค์กรมีคนทำงานหลากหลายช่วงวัย ย่อมมีความแตกต่างทางแนวคิดสูง👉 แก้ปัญหาได้อย่างมีทักษะ ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้ง HR ก็ต้องประสบกับปัญหาในการจัดหาบุคลากร หรืออยู่ในช่วงขาดแคลน Candidate ในฐานะ HR แล้วเราต้องหาทางออกให้กับปัญหานั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ👉 สร้างแวดล้อมที่ดีในการทำงาน HR […]

🎯 เทคนิคครองใจพนักงาน สร้างสมดุลชีวิต ไม่เห็นพนักงานเป็นหุ่นยนต์ 🎯

✔️ เป็นต้นแบบที่ดีในการจัดสมดุลชีวิตและงาน จัดสมดุลชีวิตและงานของคุณให้ดี ทำให้พนักงานรู้ว่าคุณคาดหวังให้พวกเขาทำแบบนั้นเช่นกัน✔️ ฝึกให้ผู้จัดการ หัวหน้างานรู้จักการสังเกตพนักงาน หากเห็นสัญญาณของการขาดสมดุลในชีวิตและงาน ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัวที่กระทบกับงาน หรือทำงานมากเกินไปจนกระทบกับชีวิตส่วนตัว ให้รีบเข้าไปช่วยเหลือทันที✔️ กระตุ้นให้ผู้จัดการ หัวหน้างานกำหนดลำดับความสำคัญของงานอย่างชัดเจน เพราะหากไม่ชัดเจน พนักงานจะคิดว่าต้องโหมทำทุกอย่างให้เสร็จพร้อมกันหมด แทนที่เขาจะได้เลิกงานกลับไปหาครอบครัว เขาอาจต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาโดยไม่จำเป็น✔️ จัดอบรมพนักงานเกี่ยวกับการจัดสรรเวลา การบริหารปริมาณงานในมือ กับเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวอย่างสมดุล ทำอย่างไรจะกำจัดนิสัยไม่ดีที่ทำให้งานไม่มีประสิทธิภาพออกไปได้✔️ ปรับเวลาทำงานให้ยืดหยุ่น กำหนดเวลาเข้างาน และเลิกงานได้หลายเวลา สำหรับพนักงานที่บ้านไกลเดินทางลำบาก สามารถเลือกเวลาที่เหมาะสมกับตนได้และต้องยึดตามที่เลือกตลอดไป ห้ามเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพื่อที่จะได้สะดวกสำหรับ HR ในการตรวจสอบเวลาทำงานของพนักงานด้วย✔️ อนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ในกรณีที่จำเป็น หากพนักงานต้องหยุดงานเพื่อดูแลคนในครอบครัวที่เจ็บป่วย การอนุญาตให้เขาทำงานจากที่บ้านได้จะช่วยลดความกังวลเรื่องครอบครัว✔️ กระตุ้นให้มีการใช้วันลาพักร้อน และวันลาป่วย ทุกองค์กรล้วนกำหนดโควต้าวันลาในแต่ละปีไว้ว่าแต่ละคนมีวันลากี่วัน สำหรับอะไรบ้าง หากไม่ใช้สิทธิ์ก็จะเสียสิทธิ์นั้นไป หากเริ่มเห็นสัญญาณของความเหนื่อยล้าในการทำงาน ควรกระตุ้นให้พนักงานใช้วันหยุดที่มีเพื่อพักผ่อนเสียบ้าง 😊😊

✌️ 5 วิธีแก้อาการ Burnout Syndrome ภาวะสุดฮิตของคนวัยทำงาน ✌️

✔️พักผ่อน กลับมาดูแลร่างกายให้ดี เริ่มจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พยายามเลี่ยงสิ่งเสพติด ไม่ว่าจะเป็น เหล้า บุหรี่ หรือว่ากาแฟ อาจจะลองลาพักผ่อนเป็นช่วยสั้น ๆ เพื่อให้ร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของคุณได้รีเฟรช✔️ จัดระเบียบชีวิตให้มีคุณภาพ ลองจัดลำดับความสำคัญของงานและเวลาในการใช้ชีวิตและทำงานของคุณใหม่ เลือกโฟกัสงานตามความสำคัญ จัดตารางเวลาในชีวิตประจำวันให้ชัดเจน✔️ ลดการใช้มือถือ แท็ปเลต และหาทางผ่อนคลายด้วยวิธีอื่น ลดการเล่นมือถือและใช้โซเชียลมีเดีย อย่าง เฟซบุ๊ค หรือ อินสตาแกรม ออนไลน์ให้น้อยลง และลองหาวิธีผ่อนคลายทางอื่น เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้✔️ ปรับทัศนคติในการทำงาน เรียนรู้ความสามารถของตัวเอง สังเกตและกลับมาทบทวนว่าคุณมีความสามารถในการทำงานอย่างไร ทำอะไรได้ดี อะไรที่ต้องพัฒนา งานแบบไหนที่เราชอบหรือไม่ชอบ ลองกลับมาทำความเข้าใจตัวเองอีกครั้ง✔️ ปรึกษาคนอื่น ถ้าคุณยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของภาวะ Burnout อาจจะลองคุยกับเพื่อนหรือคนรอบข้างดูก่อนก็ได้ ลองเลือกคนที่มองโลกในแง่ดี มีทัศนะคติที่ดีในการใช้ชีวิต มองเห็นคุณค่าในตัวผู้อื่น และคุณพร้อมจะเปิดใจคุยกับเค้า 😊😊