4 วิธีการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

Facebook
Twitter
WhatsApp
Email

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คือ

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นกลุ่มของโรคที่เกิดจากลักษณะการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งโต๊ะทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมง ไม่ได้ขยับลุกไปไหน บางคนต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เกือบตลอดเวลา ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกายหลายระบบ เช่น มีปัญหาปวดกล้ามเนื้อจากการนั่งทำงานนาน อาการชาที่มือเนื่องจากการกดทับเส้นประสาทที่มือ ปวดเสียดท้องจากการทานอาหารไม่ตรงเวลา สมรรถภาพของร่างลดลงเนื่องจากไม่มีเวลาออกกำลังกาย ฯลฯ

ตัวอย่างโรคในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นโรคทางกระดูกและกล้ามเนื้อ ได้แก่ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและพังผืด (Myofascial pain syndrome) ปวดหลังจากท่าทางไม่เหมาะสม (Postural back pain) เส้นประสาทที่ข้อมือถูกกดทับ (Carpal tunnel syndrome) นิ้วล็อค (Trigger finger) นอกจากนี้ระบบอื่นของร่างกายอาจได้รับผลกระทบจากการนั่งทำงานอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน ปวดศีรษะจากความเครียด ภาวะอ้วน เป็นต้น

อาการผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง

  1. ผู้ที่ต้องทำงานลักษณะเดิมต่อเนื่อง อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน เช่น นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ต่อเนื่อง ไม่ได้ลุกไปไหน หรือนั่งทำบัญชีเร่งด่วนตอนปลายเดือน
  • ผู้ที่มีอาการปวดบริเวณไหล่ ต้นคอ สะบัก หลัง บางครั้งมีอาการปวดร้าวขึ้นศีรษะ หรือร้าวลงแขนขณะนั่งทำงานอยู่ ต้องขยับเปลี่ยนท่าทางจึงจะดีขึ้น
  • อาการปวดสัมพันธ์กับช่วงที่ต้องทำงาน แต่พอช่วงวันหยุดอาการปวดไม่เป็นมาก
  • ผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีเวลาว่างออกกำลังกาย

สาเหตุหลักของโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) 

คือการใช้งานกล้ามเนื้องและข้อต่อที่ผิดไปจากภาวะปกติ เกิดจากการทำงานในพื้นที่จำกัดและขาดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ได้แก่

  1. นั่งไขว่ห้าง
  • นั่งหลังงอ หลังค่อม
  • นั่งเบาะเก้าอี้ไม่เต็มก้น
  • ยืนแอ่นพุง/ยืนหลังค่อม
  • สะพานกระเป๋าหนักข้างเดียว

4 วิธีการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

การป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงอาการออฟฟิศซินโดรมประกอบด้วยหลายปัจจัย และทุกสาเหตุมีความสำคัญที่นำมาซึ่งอาการปวด ดังนั้นการป้องกันแต่ละวิธีจะมีส่วนช่วยให้ท่านมีความสุขกับการทำงานที่ปราศจากอาการปวด โดยการป้องกันนี้เป็นตัวอย่างที่จะแนะนำเพื่อลดการเกิดปัญหาออฟฟิศซินโดรม

  1. การปรับเปลี่ยนท่าทางอิริยาบถเพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมในการทำงาน
  • ไม่ทำงานในท่าทางอริยาบทเดิมนานเกิน 50 นาที หากมีความจำเป็นต้องทำต่อเนื่องควรหยุดพักสัก 10-15 นาที
  • ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในการทำงานที่จำเป็นเพื่อลดการบาดเจ็บในระหว่างปฏิบัติงาน
  • เตรียมร่างกายให้พร้อม เช่น การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องใช้งานหนัก, การยืดกล้ามเนื้อก่อน ระหว่าง และหลังจากการทำงานในแต่ละวัน

และนี่คือ 4 วิธีการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ให้เหมาะกับชีวิตการทำงานของตัวเอง อย่าปล่อยให้อาการออฟฟิศซินโดรมหยุดคุณจากการทำงานให้ประสบความสำเร็จ แต่ก็อย่าชะล่าใจทำงานหนักจนลืมดูแลสุขภาพของตัวเอง ไม่งั้นความสำเร็จที่คุณสร้างมาอาจจะต้องยกให้เป็นค่ารักษาพยาบาลในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าไม่คุ้มแน่นอน เพราะความสำเร็จทุกๆด้านไม่อาจชดเชยความล้มเหลวด้านสุขภาพได้ หากคุณมีปัญหารุนแรงลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักกายภาพบำบัดดูครับ

Credit :

https://www.sukumvithospital.com/content.php?id=3495
https://bit.ly/3tTgRY8
https://www.researcherthailand.co.th/
Tag : #สรรหาคน #สรรหาพนักงาน #หาคนทำงาน #หาคน #ทรัพยากรบุคคล #หาแรงงาน #ให้คำปรึกษาทรัพยากรบุคคล #HRConsultant #HRConsult #HR #HROutsource #Training #TrainingOutsource #Talentmanagement #เทรนนิ่งพนักงาน #คอร์สอบรม #หลักสูตรฝึกอบรม #ฝึกอบรมกลุ่มใหญ่ #บริการเอาท์ซอร์ส #รับทำเงินเดือน #ประมวลเงินเดือน #หาพนักงานประจำ #หาพนักงานชั่วคราว #พาร์ทไทม์ #หาคนช่วยงาน #หากำลังเสริม #จัดหาบุคลากร #จัดหาคน #บริษัทจัดหาคน #บริษัทจัดหาพนักงาน #หาบุคลากร  #กลยุทธ์ทรัพยากรบุคคล #การตลาดออนไลน์ #Surveymarket #ขายออนไลน์มืออาชีพ #ฝึกอบรม #ฝึกอบรมผู้บริหาร #หลักสูตรการขาย #นักขายมือโปร #GenZManpower #GenZ #หาคนทำงานแบบการันตี #ต้องการพนักงานจำนวนมาก #บริการงานOutsource #จัดหาคนสำหรับองค์กร #ระบบจ้างคนคุณภาพ #Recruitment #สรรหาคนเก่ง #HRLegal #บริการทรัพยากร #ช่วยหางาน #ช่วยหาคนทำงาน #จัดจ้างพนักงาน #หาพนักงานที่ใช่ #หาคนเก่งถึกทน #หาคนทำงานได้ที่ไหน #พนักงานคุณภาพ #Headhunting #RecriutmentAgency #Headhunters #Headhunter #Headhunterในไทย #บริษัทHeadhunter #รายชื่อบริษัทจัดหางาน

Share This Post

More
articles