🎯 องค์กรควรป้องกันปัญหานี้อย่างไรดี

❌ เมื่อเจอ Sexism หรือ กีดกันทางเพศในที่ทำงาน ✅ ไม่ควรกำหนดกฎเกณฑ์บการแต่งกายของพนักงานที่เป็นการเลือกปฏิบัติ ควรให้มีพนักงานแต่งกายตามอัตลักษณ์ทางเพศสภาพของบุคคลนั้น ✅ ประกาศรับสมัครงานแบบไม่กำหนดเพศ ถ้าไม่จำเป็น การประกาศรับสมัครงานขององค์กร สามารถระบุคุณสมบัติเฉพาะด้านวุฒิการศึกษาหรือความสามารถเฉพาะที่สอดคล้องกับลักษณะงานได้ แต่ไม่ควรกำหนดเพศ ✅ รณรงค์ให้ไม่มีการใช้วาจาเหยียดเพศ รวมไปถึงการแสดงออกทางกายด้วย ภายในองค์กรไม่ควรมีการใช้วาจาที่เหยียดเพศ เช่น เบี่ยงเบนทางเพศ เพศที่สามผิดปกติ อีแอบหรือถ้อยคำว่าเพศหญิง เช่น ชะนี สาวแก่ เป็นต้น รวมไปถึงการแสดงกิริยาล้อเลียนทางเพศก็ไม่ควรทำ ✅ การเลื่อนขั้นตำแหน่งควรดูที่ศักยภาพ มากกว่าเพศสภาพ การโปรโมตหรือเลื่อนตำแหน่งต่าง ๆ ควรส่งเสริมให้คัดสรรหาบุคคลที่เหมาะสมต่อการดำรงตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นเพศชาย เพศหญิง และเพศที่สามอย่างเท่าเทียมกัน 💡 สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นเพศไหนไหน ทุกคนก็มีศักยภาพที่ดีของแต่ละคน องค์กรจะต้องเข้ามาดูแลในด้านนี้ในดี เพือรักษาคนที่มีความสามารถในองค์กรไว้ให้ดี 😊😊

🙏เมื่อลูกน้องอายุมากกว่า ควรรับมืออย่างไรดี และวิธีทำงานแบบมืออาชีพที่หัวหน้าควรรู้🙏

✔️ลงมือทำงานจริง อย่างเป็นมืออาชีพ คุณควรทำงานอย่างจริงจัง เต็มความสามารถ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความนอบน้อม ให้ความเคารพในความอาวุโส ไม่แสดงท่าทีกร่าง ทำงานอย่างรอบคอบ มีเหตุมีผลแบบเป็นมืออาชีพ✔️แสดงความยอมรับนับถือลูกทีมที่อายุมากกว่า ในเมื่อคุณเองก็ได้รับโอกาสจากความเปิดกว้างเรื่องอายุ ความอาวุโส และมีโอกาสได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าแล้ว ก็ควรมอบความเสมอภาค และความเคารพนับถือซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียมให้กับลูกน้องที่มีอายุมากกว่า✔️ขอความรู้หรือความช่วยเหลือจากเขา การขอความรู้หรือขอความช่วยเหลือจากลูกน้องที่อายุมากกว่าเหมือนเป็นการแสดงการให้เกียรติพวกเขาไปในตัว เป็นการบอกพวกเขาอย่างจริงใจว่าคุณเองก็ไม่ได้รู้ไปหมดซะทุกเรื่อง✔️แบ่งงานอย่างเท่าเทียม วัดผลอย่างเปิดเผย วางระบบกระจายงานให้ทุกคนได้ทำงานอย่างเท่าเทียมและเหมาะสม ไม่เกี่ยงว่าใครอายุมากอายุน้อยจะได้ทำงานมากกว่าหรือน้อยกว่า สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในทีมของคุณเอง✔️แทนที่จะสั่งเปลี่ยนมาเป็นขอความร่วมมือแทน ลองใช้การ “ขอความร่วมมือ” แทนที่ “คำสั่ง” ก็จะช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นได้ เพราะเป็นทั้งการแสดงความนอบน้อมและให้เกียรติกับพวกเขาไปในตัว❤️

💡 5 วิธีทำให้โดดเด่นกว่าใคร สำหรับคนจบใหม่ที่กำลังหางาน 💡

🌈เติมทักษะต่าง ๆ ให้รอบด้าน เก็บเกี่ยวและสั่งสมทักษะต่าง ๆ ไปพร้อมกัน ทั้งเรียนทั้งเล่น โดยทักษะที่ว่าไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นเรื่อง Hard Skill เท่านั้น จะ Soft Skill ก็ได้ ขอแค่เป็นสิ่งที่คุณสนใจ อยากจะพัฒนาหรือเติมตัวเองในด้านนั้น ๆ ให้เต็มมากขึ้น 🌈เก็บทุกกิจกรรม การันตีว่ามีแพชชัน ระหว่างเรียนก็ลองทำกิจกรรมไปเรื่อย ๆ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านั้นจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนหางานจบใหม่ที่พร้อมจะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา 🌈ช่ำชองและชำนาญใดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แค่คุณมีสักเรื่องที่เป็นเฉพาะด้าน สิ่งนั้นก็จะ Shine ให้ตัวคุณโดดเด่นได้เองไม่ว่าจะไปที่ไหน ต่อให้จะเป็นเด็กหางานจบใหม่ 🌈Resume and CV ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง อย่าลืมนำของดีข้อคุณทั้งหมดทั้งมวลนั้น มาใส่ไว้ใน Resume หรือ CV ไว้ตอนสมัครงานด้วย เพื่อเป็นหลักฐานการันตีว่าคุณเจ๋งแค่ไหน 🌈มั่นใจในความสามารถตัวเอง เห็นถึงคุณค่าของตัวเองเป็นที่ตั้ง เริ่มจากการเคารพตัวเอง ถ้าใจเราเข้มแข็ง อวัจนภาษาต่าง ๆ ที่แสดงออกไปย่อมแสดงถึงความมั่นใจโดยปริยาย😊

🙏พนักงานลาออกหลังได้โบนัสกับสิ่งที่ HR ต้องเตรียมพร้อมรับมือ🙏

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติประจำทุกปีของเกือบจะทุกองค์กร ที่หลังจากพนักงานได้รับเงินโบนัสประจำปี จะทยอยกันยื่นจดหมายลาออก ดังนั้นการที่องค์กรจะรั้งให้พนักงานอยู่ต่อไปได้ หลังจากได้รับเงินโบนัสประจำปี ควรมาจาก 4 ปัจจัยต่อไปนี้🔼ปลูกฝังความรักในองค์กร พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่จะไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ หรือทำงานที่เดิมนาน ๆ องค์กรจึงต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติให้พนักงานรุ่นใหม่มีใจรักในองค์กร ทำให้เกิดความภูมิใจในองค์กรรวมถึงเสนอโอกาสที่จะก้าวหน้า🔼จูงใจด้วยโอกาสความก้าวหน้า การเสนอตำแหน่งใหม่ให้ หรือเสนอการ Rotate ย้ายแผนก ย้ายทีม ย้ายสาขา เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างโอกาสก้าวหน้าในการทำงานมากขึ้น🔼เพิ่มความท้าทายในการทำงาน ลองให้พนักงานได้ทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่แค่งาน Routine หรือการสร้าง Challenge ในการทำงานให้กับบริษัท ด้วยโปรเจกต์ชิงรางวัลภายในองค์กร🔼อัดฉีดสวัสดิการ สุดท้ายแล้วสิ่งที่พนักงานต้องการมากที่สุดก็ยังคงเป็นสวัสดิการที่ดี เช่น การปรับขึ้นเงินเดือน การจ่ายโบนัส หรือการเพิ่มค่า Incentive 😊

👍เทคนิค ฝึกภาษาอังกฤษง่ายๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน👍

✔ดูซีรีส์ ภาพยนตร์ และฟังเพลงสากล เสียงต้นฉบับ การฟังบ่อย ๆ จะช่วยให้เราซึมซับภาษาได้ง่ายขึ้นลองเปลี่ยนมาดูแบบมีซับไตเติ้ล เสียงในฟิล์มแทน ✔ปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันให้ใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเปลี่ยนจากการคิดหรือเขียนด้วยภาษาไทย เป็นฝึกคิดและเขียนเป็นภาษาอังกฤษแทน  เช่น ตั้งค่าการใช้งานโทรศัพท์มือถือเป็นภาษาอังกฤษ ✔อ่านภาษาอังกฤษให้มาก การอ่าน โดยเฉพาะอ่านออกเสียงจะช่วยให้เก่งภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้น จะเป็นการอ่านตำราภาษาอังกฤษ อ่านข่าว อ่านการ์ตูน อ่านนิตยสาร หรือท่องเว็บไซต์ต่างประเทศ  ✔ฝึกพูดกับเจ้าของภาษาบ่อย ๆลองหาเพื่อนต่างชาติที่ไม่จำเป็นต้องเป็นฝรั่งเสมอไป เป็นชาติเอเชียก็ได้ เพื่อฝึกภาษาอังกฤษ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไปด้วยในตัว ✔สมัครเรียนคอร์สออนไลน์เพิ่มทักษะ ลองเทคคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ จะช่วยให้คุณได้ทั้ง Grammar ที่ถูกต้อง และทักษะที่ต้องการเรียนรู้อย่างแท้จริง😊

🚫9 พฤติกรรมที่เสี่ยงผิดอาญา รังแกลูกน้องมีโทษทั้งจำทั้งปรับ🚫

1️⃣ มอบหมายงาน ที่ไม่สามารถทำได้ การถูกโยนงานให้แบบไม่ชอบธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งให้ทำงานที่ไม่ตรงขอบเขต  2️⃣ได้รับความกดดันมากไป จนก่อให้ความเครียดสะสม ลามไปจนถึงการใช้ชีวิตประจำวันนอกออฟฟิศของเรา 3️⃣ ถูกดุด่าว่ากล่าวอย่างรุนแรง ต่อหน้าคนในออฟฟิศ ทำให้เกิดความอับอาย 4️⃣ ถูกถามเรื่องส่วนตัวมากจนเกินไป ถูกละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวจนเกินไปจนทำให้ผู้เสียหายรู้สึกอึดอัด 5️⃣ ถูกข่มขู่ว่าจะลดเงินเดือนหรือลดประโยชน์ ถ้าไม่ยอมทำงานที่ได้รับมอบหมาย  6️⃣ โดยบังคับให้ไปเที่ยวหรือดื่มเหล้าหลังเลิกงาน ทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ โดนบังคับจากหัวหน้าให้ไปเที่ยวด้วย  7️⃣ เมื่อทำความผิด แล้วถูกเอาไปเม้าท์ต่อลับหลัง หากเราเกิดทำงานผิดพลาด จนเกิดการเอาไปกระจายข่าว ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตัวเรา 8️⃣ ถูกประเมินผลงานแบบไม่แฟร์ การเป็นหัวหน้าที่ดีควรประเมินลูกน้องตามผลงานจริง ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง 9️⃣  ถูกนำความลับส่วนตัว ไปเปิดเผยต่อคนในออฟฟิศ เรื่องในครอบครัว เรื่องชู้สาว เรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ 🚫หากใครตกอยู่ในสถานการณ์ทั้ง 9 ข้อนี้ สามารถดำเนินคดีได้เลยค่ะ🚫

💡6 เทคนิคฝึกสมอง เพื่อไอเดียเจ๋งๆ💡

🌈สร้าง routine ประจำวัน ด้วยการกำหนดเวลาที่แน่นอนในแต่ละวันเพื่อที่จะทำงานของคุณ แบบที่ไม่ต้องรอให้มีอารมณ์ก่อนแล้วค่อยมาคิดงาน  🌈นอนเพื่อให้สมองได้พัก หาเวลาพักเบรกจากการคิดงานไม่หยุด ด้วยการงีบพักสัก 10 – 20 นาที เพื่อให้สมองได้รีชาร์จตัวเองจากการทำงานไม่หยุด จะทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัวและรู้สึกสดชื่นอีกครั้ง 🌈ดื่มน้ำกระตุ้นสมอง หากดื่มน้ำน้อยเกินไปก็ทำให้เกิดอาการสมองตื้อได้ อาการสมองไม่ค่อยแจ่มใส จะคิดอะไรก็รู้สึกติดขัดไปหมด 🌈ลองหาไอเดียด้วยการเดิน ลองลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานของคุณแล้วออกไปเดิน ไม่ว่าจะเป็นการเดินนอกบ้าน เดินในสวน อาจจะจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้ 🌈เปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน ลองเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณเพื่อหลีกหนีความซ้ำซากจำเจดู อาจจะช่วยให้คุณได้มีประสบการณ์ใหม่ ๆ  🌈จดบันทึกทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา หาสมุดโน้ตเล่มเล็กติดตัวไว้ แล้วเมื่อไหร่ที่คุณมีความคิดอะไรขึ้นมา ลองจดบันทึกไว้ในสมุดโน้ตเล่มเล็กของคุณ วันไหนที่คิดงานไม่ออกก็เอาออกมาเปิดเล่น ๆ คุณอาจได้ไอเดียใหม่ ๆ

🎯เทคนิค ดึงศักยภาพของพนักงานออกมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ🎯

✔️ให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน แสดงออกถึงความซาบซึ้งใจต่อสิ่งที่พวกเขาได้ทำให้คุณ  ✔️แบ่งปันวิสัยทัศน์ของผู้นำ ย้ำชัดเป้าหมายและทิศทาง ในฐานะที่เขาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เขาควรมีโอกาสได้รับทราบถึงภาพรวมของพันธกิจ วิสัยทัศน์ และแผนกลยุทธ์ขององค์กร ✔️เชื่อใจพวกเขา เชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาตัดสินใจลงไปแล้วเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ✔️มอบอำนาจและโอกาส ควรให้เขาได้ทำงานสนุกๆ ท้าทายความสามารถบ้างเพื่อแสดงถึงศักยภาพที่เขามี  ✔️ให้ฟีดแบกเป็นประจำ ที่สำคัญคุณควรให้ฟีดแบกที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์ เพื่อให้พวกเขาได้นำไปใช้พัฒนาความรู้และทักษะของเขาให้ดียิ่งขึ้น ✔️จัดการกับปัญหา ไม่ใช่ที่ตัวปัญหา เมื่อปัญหาเกิดขึ้น ให้ถามว่ากระบวนการทำงานในส่วนไหนที่ทำให้เกิดความผิดพลาด ไม่ใช่กล่าวโทษว่าเป็นความผิดของพวกเขาหรือใครคนใดคนหนึ่ง ✔️ให้รางวัลและยอมรับในความสามารถของพนักงาน  แสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณยอมรับและเห็นคุณค่าในตัวเขา✌️

💭8 ข้อดีของเด็กจบใหม่ ที่บริษัทควรจ้างงานในช่วงโควิด💭

✔ความสามารถในการปรับตัว การปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเป็นคุณสมบัติของเด็กจบใหม่ที่บริษัทควรมองหา ✔ใช้เทคโนโลยีคล่อง และพร้อมอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ เด็กจบใหม่ Gen Z เหล่านี้เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี  ✔เก่งวิเคราะห์ พร้อมที่จะแก้ปัญหา นักศึกษาเหล่านี้มีพัฒนาการการทำงานที่ก้าวกระโดดจากกระบวน ✔กล้าที่จะคิดนอกกรอบ นักศึกษาจบใหม่ที่ยังผ่านงานมาไม่มาก ทำให้ไม่มีแบบแผนทางความคิดและการแก้ปัญหาแบบเดิม ๆ มาตีกรอบทางความคิด  ✔มีทัศนคติที่ตรงกับองค์กร ความเป็นจริงแล้วความกล้าแสดงออกทางความคิดเป็นเรื่องที่ดีเพราะแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนกล้าคิดกล้าทำ ✔แสดงออกอย่างเหมาะสม การแสดงออกยังคงต้องอยู่บนพื้นฐานของความสุภาพ ไม่ก้าวร้าว และที่สำคัญไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น  ✔มีความรับผิดชอบและบริหารเวลาได้อย่างยอดเยี่ยม  เพราะความรับผิดชอบในระดับการทำงานในบริษัทย่อมสูงกว่าในระดับมหาวิทยาลัยมาก เพราะต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม ✔มี Empathy และพร้อมทำงานร่วมกับผู้อื่น ถือป็นเรื่องสำคัญมาแรงในยุคสมัยนี้ที่มีการแข็งขันกันสูง👍

🎉เทคนิคสร้างความสำเร็จของผู้ประกอบการในยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์🎉

1️⃣  สร้างเอกลักษณ์ แสดงตัวตน ค้นหา ดึงความเอาสามารถพิเศษ และศักยภาพออกมาให้โลกได้เห็น  2️⃣  ให้ความสำคัญกับความคิดนอกเหนือจากข้อมูล ไม่ยึดติดกับกรอบความคิดแบบเดิม ๆ 3️⃣ ไม่หยุดนิ่ง คนที่ไม่ชอบหยุดนิ่งกับสถานะเดิม ๆ จะสามารถเลือกแนวทางและเป้าหมายได้ด้วยตัวเอง 4️⃣  กำหนดทิศทางบนความเป็นตัวของตัวเอง หยุดตีกรอบให้กับตัวเองด้วยงานที่ถูกมอบหมายโดยคนอื่น  5️⃣ เรียนรู้ต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุดที่มาของความรู้อาจได้มาจากการหยิบยืมไอเดียต่าง ๆ มาผสมผสาน  6️⃣  ใช้ประโยชน์จากชื่อเสียง ความโด่งดัง นั้นเรียกได้ว่าเป็นต้นทุนที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย  7️⃣  ปฏิบัติต่อสิ่งเสมือนจริงให้เป็นจริง  ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยี 8️⃣   พื้นฐานจิตใจที่ดี มีเมตตา “ความรับผิดชอบต่อสังคม” พื้นฐานจิตใจที่ดี นึกถึงผู้คนรอบข้างให้มากขึ้น  9️⃣  ชื่นชมความสำเร็จอย่างเปิดเผย นักสร้างสรรค์ที่ดีต้องชื่นชมความสำเร็จของตนเองอยู่เสมอ 🔟มีความทะเยอทะยานสูง มีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้าในการทำธุรกิจมีความต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต👍