เคล็ดลับ จัดการอารมณ์ตัวเอง

เคล็ดลับ จัดการอารมณ์ตัวเอง

1. หายใจเข้าลึก ๆ การหยุดตัวเอง และหายใจเข้าลึกๆ จะเป็นการถ่วงเวลา ให้ตัวเองใจเย็น มีสติขึ้น และยังเป็นการหยุดการกระทำ หรือคำพูดที่อาจจะต้องมาเสียใจทีหลัง เมื่อสถานะการณ์ผ่านไป 2. ระบายกับเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ การมีเพื่อนร่วมงานที่สนิท และสามารถไว้ใจได้ พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงาน ปรึกษาปัญหาต่างๆ เป็นเรื่องที่ดี ที่จะได้แลกเปลี่ยนความเห้น หรือทัศนคติกัน จะช่วยให้ผ่อนคลายความตึงเครียดลงได้ 3. ขอกำลังใจจากคนสำคัญ กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพื่อให้ผ่านพ้นปัญหาเหล่านั้นไป เมื่อเจอปัญหาต่างๆการรับกำลังใจจากคนที่สำคัญของคุณก็สามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ และในทางกลับกัน คุณก็ต้องเป็นคนให้กำลังใจที่ดีด้วยเช่นกัน 4. พักเบรก การนำตัวเองออกมาจากจุดที่รู้สึกแย่ให้ได้เป้นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง พักเบรคลุกเดินออกไปจากโต๊ะทำงาน หรือเดินเล่น ก่อนกลับมาลุยงานต่อขอบคุณเครดิต HRTHAILAND

ควรทำอย่างไร? เมื่อต้องอยู่กับงานที่ไม่ชอบ

ควรทำอย่างไร? เมื่อต้องอยู่กับงานที่ไม่ชอบ

ทุกวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ชอบในงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่ แทนที่คุณจะมานั่งใจลอยไปวันๆ ลองปรับชีวิตของคุณให้เข้ากับที่ทำงานดู แล้วคุณจะรู้ว่าเราสามารถมีชีวิตที่ดีในงานที่น่าเบื่อได้ 1. ทำความรู้จักกับเพื่อนรอบๆตัว 2. มองหาข้อดีของงานที่กำลังทำอยู่นี้ 3. มองไปที่สิ่งที่คุณจะไปต่อ 4. กดปุ่มความอดทนของคุณ 5. เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่ควรทำ 6. มองหาสิ่งที่คุณควรจะได้จากบริษัท ขอบคุณเครดิต : เพจ HRTHAILAND

วันจักรี 6 เมษายน

วันจักรี 6 เมษายน

วันจักรี (Chakri Memorial Day) คือ วันที่ระลึกถึงมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรีบรมนาถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี อีกทั้งยังเริ่มก่อสร้างพระนครแห่งใหม่ในนาม กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์ ที่นับว่าเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ถัดจากกรุงธนบุรี เครดิต : http://event.sanook.com/

เงินเดือนหรือค่าตอบแทน มีความสำคัญอย่างไรต่อคนทำงาน

เงินเดือนหรือค่าตอบแทน มีความสำคัญอย่างไรต่อคนทำงาน

นอกจากเงินเดือนจะเป็นสิ่งที่บริษัทมอบให้กับพนักงานเพื่อตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งต่าง ๆ แล้ว เงินเดือนหรือค่าตอบแทน ยังมีความสำคัญด้านอื่น ๆ ต่อคนทำงานด้วย ดังนี้ เป็นแรงจูงใจที่ดีในการทำงาน เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เงินเดือน และค่าตอบแทน สร้างแรงจูงใจในการทำงานที่แตกต่างกัน โดยเงินเดือนเป็นเงินที่เราจะได้รับเป็นประจำทุกเดือน ช่วยสร้างความมั่นคงที่เรามีต่อบริษัท และแสดงให้เห็นว่าบริษัทเล็งเห็นในศักยภาพการทำงานของเราจึงจ่ายผลตอบแทนให้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ส่วนค่าตอบแทน เช่น ค่า Incentive ค่า Commission ช่วยจูงใจให้เราอยากพัฒนาตัวเองเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยิ่งทำผลงานได้ดี ยิ่งได้ค่าตอบแทนสูง เป็นต้น ทำให้พนักงานรู้สึกรักและจงรักภักดีต่อองค์กร การที่บริษัทจ่ายเงินเดือนหรือค่าตอบแทนอย่างสมเหตุสมผล มีความยุติธรรม ครอบคลุม และเพียงพอ จะทำให้พนักงานรู้สึกพึงพอใจ รู้สึกว่าบริษัทมีความเข้าใจ ใส่ใจ และห่วงใยพนักงานทุกคน ส่งผลให้พนักงานรู้สึกจงรักภักดีต่อองค์กร ไม่มีความรู้สึกอยากลาออก และอยากทำงานร่วมกับบริษัทนี้ไปนาน ๆ ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตดีขึ้น  เมื่อพนักงานแต่ละคนได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผลและเพียงพอต่อความต้องการในการดำเนินชีวิต มีสวัสดิการรองรับ สามารถซัพพอร์ตความต้องการของตนเองและครอบครัวได้ ย่อมส่งผลให้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจของพนักงานเป็นไปในทิศทางที่ดี การทำงานที่ได้รับมอบหมายก็จะมีประสิทธิภาพตามไปด้วย แสดงถึงความมั่นคงของบริษัท การที่บริษัทสามารถซัพพอร์ตเงินเดือนให้พนักงานได้ทุกเดือน และมีค่าตอบแทนให้พนักงานเพิ่มเติม เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคง มีผลประกอบการของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดี มีการวางแผนการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้พนักงานมีความเชื่อถือในบริษัทที่ทำอยู่ว่ามีเสถียรภาพที่ดี ค่อนข้างมั่นคง และสามารถทำงานที่นี่ได้ในระยะยาวCredit […]

5 เทคนิค สร้างทักษะความเป็นผู้นำ

5 เทคนิค สร้างทักษะความเป็นผู้นำ

1. สร้างได้จากทักษะการสื่อสารที่ดี เบสิคของการสื่อสารที่ถูกสอนกันมาตั้งแต่เด็กก็ไล่ตั้งแต่การพูดจาแบบมีหางเสียง น้ำเสียงน่าฟัง พูดให้ชัดเจน คิดก่อนพูดอยู่เสมอ และควรมีกาละเทศะในการพูด แก่นแท้ของการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมก็คือ “การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นตลอดเวลา” เคล็ดลับก็คือลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นคนฟังแล้วจะรู้สึกอย่างไรนั่นเอง เพราะคุณเองคงไม่อยากได้ยินคำพูดอะไรที่ไม่เข้าหูแน่ๆ ทักษะชั้นสูงของเรื่องนี้คือเวลาคุณพูดหรือถามอะไร คุณสามารถคาดหวังคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้จากผู้ฟังเพราะคุณคิดมาก่อนแล้วว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรนั่นเอง 2. เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นเสมอ นี่คือสิ่งสำคัญมากในการปกครองคนหรือสื่อสารกับเบื้องบน คุณต้องเริ่มเข้าใจตั้งแต่วันที่คุณเป็นลูกน้องระดับล่างสุด เป็นเด็กจบใหม่ ไปจนถึงตอนเริ่มมีประสบการณ์ มันจะทำให้คุณรู้เลยว่าคนแต่ละยุคนั้นก็มีสิ่งที่เหมือนกัน และคุณสามารถสื่อสารสิ่งที่พวกเขาอยากจะฟังได้ดีขึ้นแน่นอน อีกทั้งยังสามารถลดความขัดแย้งหรือต่อรองเจรจาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นก็คือคนที่เอาแต่คิดถึงแต่ตัวเองครับ อย่างนี้ไม่มีทางเป็นผู้นำได้ 3. วิสัยทัศน์และความทะเยอทะยาน วิสัยทัศน์สามารถสร้างได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย มันมีพื้นฐานมาจากทัศนคติเชิงบวกแบบเติบโต (Growth Mindset) คือการคิดอะไรและมองหาความเป็นไปได้ ในขณะที่ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้ เช่น คุณคิดว่าคุณขายไม่เก่งแต่มี Growth Mindset คุณจึงเริ่มคิดว่าควรจะศึกษาจากคนที่เก่งและเรียนรู้ได้จากการฝึกฝน เพราะคุณเชื่อว่าไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด อย่างนี้คือ Growth Mindset ซึ่งเรื่องนี้คือแก่นแท้ของวิสัยทัศน์ที่คุณมองความเป็นไปได้ว่าองค์กรสามารถไปได้ไกลกว่านี้ คนในองค์กรพัฒนาได้มากกว่านี้ และคุณจะทำให้สำเร็จ 4. การจัดการและการบริหารคน จริงอยู่ที่ตอนเป็นลูกน้องนั้น คุณคงใช้งานหรือมอบหมายให้คนอื่นทำไม่ได้ คุณคงไม่ได้ฝึกทักษะนี้เท่าไหร่ แต่ถ้ามีโอกาสที่แม้จะเล็กน้อยที่สุดก็ต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ เช่น คุณทำงานมาประมาณ 2-3 ปี บริษัทจ้างเด็กจบใหม่มาให้คุณเป็นพี่เลี้ยง […]

 9 วิธีการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ

 9 วิธีการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ

1. การเข้าใจภาษากาย ภาษากายหรือการสื่อสารด้วยอวัจนภาษาเป็นศิลปะที่ละเอียดอ่อนที่มีศักยภาพ สามารถนำไปใช้ได้ในหลาย ๆ สถานการณ์ เช่น การยืนและท่าทางที่เหมาะสมท่ามกลางคนเยอะ ภาษากายมีความสำคัญในสถานการณ์แบบตัวต่อตัวด้วย เมื่อคุณอยู่ที่การสัมภาษณ์งานหรือการประเมินผลให้รักษาระดับสายตาไว้เสมอเมื่อคุณพูดอยู่กับใคร 2. การมีส่วนร่วมในการโต้ตอบ การสื่อสารที่ดีเปรียบเสมือนถนนสองทาง เพราะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพนั้นจะมีการโต้ตอบจากอีกฝ่าย เพราะฉะนั้น การสื่อสารท่ามกลางคนจำนวนมาก หากคุณนำประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมาซึ่งทำให้ผู้ฟังได้คิดตาม และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น แสดงว่าการสื่อสารของคุณนั้นมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง 3. การพูดโดยฉับพลัน การสื่อสารโดยทันทีจะมีประสิทธิภาพสูง เป็นสิ่งที่ทนายมักในศาล เพื่อให้การพูดมีความต่อเนื่องและไม่ออกนอกเรื่อง วิธีนี้เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม ช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นและเสรีภาพในการตัดสินปฏิกิริยาของผู้ชมและมีส่วนร่วมในประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้น 4. การรู้จักผู้ฟังของคุณ การที่คุณรู้ว่าคนที่คุณกำลังจะติดต่อด้วยเป็นใครคือกุญแจสำคัญสำหรับการทำตัวอย่างไรเพื่อให้เข้าใจถึงข้อมูลที่คุณต้องการ  แม้แต่ในบริษัท คุณอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อทำความรู้จักสมาชิกในทีมรวมถึงวิธีการทำงานของเขาด้วย 5. การเป็นผู้ฟังที่ดี การเป็นผู้สื่อสารที่มีประสิทธิภาพนั้น คุณควรฟังมากกว่าที่คุณพูด เพราะเมื่อคุณกำลังคุยกับใครซักคนแล้วคุณไปพูดขัดจังหวะเขาหรือพูดคุยตลอดเวลา นั่นแสดงว่าคุณบกพร่องต่อการสร้างสัมพันธ์ขั้นพื้นฐาน 6. การสื่อสารตรงตามจุดประสงค์ การที่คุณพูดในเรื่องที่ตรงประเด็น หมายความว่าการสื่อสารของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเนื้อหามีความสั้น ชัดเจนและกระชับ จะทำให้คุณไม่ออกนอกเรื่องไปไกล สามารถพูดได้ตรงตามประสงค์มากขึ้น  7. การหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน หากคุณอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญของการสนทนา แล้วมีเสียงโทรศัพท์เข้ามารบกวนแล้วคุณกดอ่านข้อความ นั่นจะทำให้เสียมารยาทและคุณจะกลายเป็นที่ไม่ยอมรับของคนอื่น ดังนั้นหากคุณโฟกัสอยู่กับบางอย่าง คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงการรับสายโดยการโทรกลับไปทีหลัง เพื่อทำในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เต็มที่ 8. […]

5 คุณสมบัติที่จะทำให้เราโดดเด่นและเป็นที่ต้องการขององค์กร

5 คุณสมบัติที่จะทำให้เราโดดเด่นและเป็นที่ต้องการขององค์กร

1) สนใจใคร่รู้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนทักษะด้านภาษา ทักษะด้านการทำงาน หรือจะเป็นความรู้รอบตัว พนักงานที่ดีจะสามารถ Connect the dots หาจุดเชื่อมโยงและผูกสิ่งต่างๆ ร้อยเรียงเป็นความคิดสร้างสรรค์ วิธีการใหม่ๆ ที่ทำให้องค์กรเกิดการพัฒนา และแม้ว่าจะมีการกำหนดขอบเขตงานที่ได้รับมอบหมาย พวกเขาจะทำสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากขอบเขตงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย ต่อยอดวิสัยทัศน์ขององค์กร หาลู่ทางใหม่ๆ หรือหาแนวโน้มความเป็นไปได้ในการพัฒนาองค์กร สิ่งนี้จะทำให้ตัวเขาเกิดการพัฒนาและผลักดันให้องค์กรมีความก้าวหน้าอยู่เสมอ 2) เปิดรับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เมื่อพนักงานเกิดความสงสัย ความสนใจในเรื่องต่างๆ แล้ว การเรียนรู้เปิดรับสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดจะทำให้เราสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การรับข้อมูลนี้ต้องมีการวิเคราะห์ ปฏิบัติจริง เพื่อกระตุ้นให้ทักษะและความรู้ติดตัวเราไปนานๆ 3) ยอมรับฟีดแบ็กและยินดีที่จะเปลี่ยนแปลง การรับฟีดแบ็กจากคนรอบข้างจะเป็นปัจจัยที่นำเราไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย ชีวิตส่วนตัว หรือชีวิตการทำงาน ถึงแม้ว่าการฟีดแบ็กจะทำให้คนฟังรู้สึกแย่ แต่สิ่งนั้นเป็นความจริงที่ควรรับฟัง เพราะความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริง ยอมรับฟีดแบ็กคือการยอมรับข้อบกพร่อง เพื่อทำให้เรามีแรงผลักดันในการพัฒนาตนเองจนกลายเป็นคนเก่งขึ้น 4) สามารถทำงานคนเดียวและทำงานเป็นทีมได้ พนักงานที่ดีจะต้องสามารถทำงานคนเดียวและทำงานเป็นทีมได้ กล่าวคือ พนักงานที่มีความสามารถจะต้องลุยงานเดี่ยวๆ ได้ด้วยตนเอง โดยปราศจากผู้ช่วยหรือการชี้นำจากผู้อื่น ในขณะเดียวกัน พนักงานต้องมีความสามารถในการร่วมงานกับผู้อื่นด้วยเช่นกัน เพราะการทำงานส่วนใหญ่เกิดจากการร่วมมือของหลายๆ ภาคส่วน มีการแชร์ไอเดีย และ […]